มันแอบอยู่บนหลังคา
.
เสียงฝนกระหน่ำบนหลังคาสังกะสีเก่าๆ ดังสนั่นราวกับคนเอาค้อนมาทุบ จนฉันต้องขยับผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ไล่ความหนาวเหน็บและเสียงน่ากลัวนั่น ฉันเกลียดคืนฝนตกแบบนี้ มันทำให้เรือนไม้เก่าๆ ที่ฉันอาศัยอยู่กับยายดูน่ากลัวกว่าที่เคย
"แกรี่..หลานยาย นอนหรือยัง" เสียงยายดังแหบพร่ามาจากห้องข้างๆ
"ยังค่ะยาย ฝนตกแบบนี้ แกรี่นอนไม่หลับเลย" ฉันขานตอบ แม้จะรู้ว่ายายคงมองไม่เห็น ฉันชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ ทุกค่ำคืน มืดมิด เงียบงัน มีเพียงเสียงฝนและเสียงยายเท่านั้นที่คอยปลอบประโลม
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะยาย พรุ่งนี้ฝนหยุด แกรี่จะปีนขึ้นไปดูให้เอง"
"อย่าเลยแกรี่ อันตราย ยายได้ยินว่า.." เสียงยายเว้นไป ทำให้ฉันใจหายวาบ
"ว่าอะไรคะยาย?"
"ยายได้ยินว่า...มีคนเห็น มัน แถวนี้"
"มัน" ที่ยายพูดถึง ไม่ต้องอธิบาย ฉันก็รู้ว่าคืออะไร ทุกหมู่บ้านต่างก็มีเรื่องเล่าขานถึง "มัน" สิ่งมีชีวิตลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่บนหลังคาบ้าน คอยจ้องมองผู้คนเบื้องล่างด้วยดวงตาสีแดงก่ำ และที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ เสียงเล่าลือที่ว่า "มัน" ชอบลักพาตัวเด็กๆ ไปในคืนฝนตกแบบนี้
เสียงข่วนแผ่วเบาดังมาจากฝ้าเพดานด้านบน ทำเอาเลือดในกายฉันเย็นเฉียบ เสียงข่วนดังถี่ขึ้น เร็วขึ้น คล้ายกับกรงเล็บแหลมคมกำลังตะกุยอยู่บนนั้น
ฉันไม่กล้าหายใจ
ยายเองก็คงได้ยิน เสียงสวดมนต์แผ่วเบาของยายดังขึ้นมาจากห้องข้างๆ บ่งบอกว่ายายก็หวาดกลัวไม่แพ้กัน
ทันใดนั้น เสียงข่วนก็เงียบหายไป ความเงียบเข้าปกคลุมราวกับผ้าห่มผืนหนา ฉันพยายามกลั้นหายใจ ยิ่งนานเท่าไหร่ ความกลัวก็ยิ่งกัดกินหัวใจมากขึ้นเท่านั้น
ตุบ!
เสียงบางอย่างตกลงมาในห้อง เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ฉันรู้ มันอยู่ที่นี่แล้ว ใต้หลังคาเดียวกันกับฉัน
ฉันข่มความกลัว กัดฟันแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามอง น้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่รู้ว่าเพราะกลัว หรือเพราะเสียงสวดมนต์ของยายที่ดังชัดขึ้นเรื่อยๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านรอยรั่วบนหลังคา ฉันลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ความทรงจำเมื่อคืนยังคงหลอกหลอน
ยายนั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้าอิดโรย แต่ยังคงมีรอยยิ้มอบอุ่น
"ยาย...เมื่อคืน..."
"ไม่เป็นไรแล้วหลานยาย มันไปแล้ว" ยายลูบหัวฉันเบาๆ
"แล้วเสียงนั้น...ที่ตกในห้อง..."
ยายไม่ตอบ แต่ชี้นิ้วไปที่มุมห้อง มะม่วงสุกงอม ตกอยู่ที่พื้น คงกลิ้งตกมาจากช่องหลังคา
ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก บางที.. ฉันอาจจะคิดมากไปเอง
แต่ขณะที่ก้มลงเก็บมะม่วง สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นรอยข่วนบนเสาบ้าน รอยข่วนใหม่เอี่ยม สูงจากพื้นประมาณเมตรครึ่ง...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
.............................................................
มันแอบอยู่บนหลังคา (ต่อ)
รอยข่วนนั้น ตื้นบ้าง ลึกบ้าง ไล่ตั้งแต่คานไม้ใกล้หน้าต่าง ไปจนถึงผนังใต้หลังคา มันใหม่มาก จนเห็นเนื้อไม้สีอ่อนสด ฉันเอื้อมมือไปสัมผัส รู้สึกถึงเศษไม้เล็กๆ ติดอยู่ที่ปลายนิ้ว
“ยายคะ” เสียงฉันสั่นเครือ
ยายเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าเหี่ยวย่นปรากฏความกังวล เมื่อเห็นสิ่งที่ฉันมอง
“แกรี่ อย่าไปสนใจเลยลูก ยายบอกแล้วไง มันไปแล้ว”
“แต่มันสูงขนาดนี้ แกรี่ปีนไม่ถึงหรอกค่ะ แล้วใครจะ...”
ฉันหยุดพูด เพราะจู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องเล่าของชาวบ้านที่เล่าต่อๆ กันมา "มัน" เคลื่อนไหวได้เร็ว ว่องไว และปีนป่ายได้ทุกที่ แม้แต่กำแพงเรียบๆ "
ยายกุมมือฉันแน่น “แกรี่ ยายจะไปคุยกับลุงสมศักดิ์ ให้มาช่วยซ่อมหลังคาให้”
บ่ายวันนั้น ลุงสมศักดิ์ เพื่อนบ้านใจดี ก็มาช่วยซ่อมหลังคาบ้านให้ ฉันคอยส่งอุปกรณ์ พลางมองลุงปีนขึ้นไปบนหลังคาอย่างหวาดๆ
“ระวังหน่อยนะลุง ระวัง...” ฉันไม่กล้าพูดคำว่า “มัน” ออกมา
ลุงสมศักดิ์หัวเราะ “ไม่ต้องห่วงหรอกแกรี่ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก”
แต่แล้ว เสียงลุงก็เงียบไป ฉันเงยหน้ามอง เห็นลุงยืนนิ่ง อยู่บนหลังคา จ้องมองไปยังบางอย่างในเงามืดใต้หลังคา
“ลุงคะ มีอะไรหรือเปล่า”
ลุงสมศักดิ์ไม่ตอบ แต่ค่อยๆ หยิบตะปูขึ้นมา แล้วขว้างเข้าไปในความมืด
เสียงขู่ต่ำๆ ดังลอดออกมา เลือดในกายฉันเย็นเฉียบ
“ลงมาเร็วแกรี่! ลงมา!” ลุงตะโกนเสียงดัง แล้วรีบปีนลงจากหลังคาอย่างรวดเร็ว
ฉันไม่รอช้า รีบวิ่งเข้าบ้าน หัวใจเต้นรัว ความกลัวทำให้ขาสั่น
ลุงสมศักดิ์กระโดดลงมา หน้าซีดเผือด
“ลุงเห็นอะไร” ฉันถามเสียงสั่น
ลุงสูดหายใจลึก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ดวงตา...สีแดงก่ำ...มันแอบอยู่บนนั้นจริงๆ”
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
.............................................................
มันแอบอยู่บนหลังคา (ต่อ)
คำพูดของลุงสมศักดิ์ ทำเอาเลือดในกายฉันเย็นเฉียบ ภาพดวงตาสีแดงก่ำในความมืดใต้หลังคาบ้าน ปรากฏขึ้นในหัวซ้ำไปซ้ำมา
“แล้ว..แล้วเราจะทำยังไงกันดีลุง” ฉันถามเสียงสั่น มือเย็นเฉียบกำชายเสื้อแน่น
ลุงสมศักดิ์ถอนหายใจ ใบหน้าเคร่งเครียด “เราต้องบอกผู้ใหญ่บ้าน เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว”
ข่าวเรื่อง “มัน” บนหลังคาบ้านฉันแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านพากันแตกตื่น หวาดกลัว เพราะต่างก็รู้ดีว่า เรื่องเล่าที่เล่าขานกันมา ไม่ใช่แค่เรื่องแต่ง
ตกเย็น ผู้ใหญ่บ้านพร้อมกับชาวบ้านกลุ่มใหญ่ ก็มาถึงบ้านฉัน ทุกคนถืออุปกรณ์ต่างๆ นานา ทั้งไม้ มีด ไฟฉาย บางคนถึงกับพกเครื่องรางของขลังมาด้วย
“ลุงสมศักดิ์เล่าให้ฟังหมดแล้ว ไม่ต้องกลัวนะแกรี่ พวกเราจะช่วยกัน” ผู้ใหญ่บ้านพูดปลอบใจ แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความกังวล
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งปีนขึ้นไปบนหลังคา ใช้ไฟฉายส่องหา ส่วนที่เหลือ ยืนล้อมบ้านไว้ พร้อมที่จะรับมือ
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้น เมื่อมีคนพบรอยเท้าประหลาด บนฝุ่นใต้หลังคา
“นี่ไง รอยเท้ามัน!”
รอยเท้านั้น ไม่เหมือนรอยเท้าสัตว์ ที่ชาวบ้านเคยเห็น มันเป็นรอยเท้าเปล่าๆ มีนิ้วเท้าสามนิ้ว ยาว และแหลมคม คล้ายกรงเล็บ
บรรยากาศตึงเครียด ทุกสายตาจับจ้องไปที่ความมืดใต้หลังคา ซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของ “มัน”
ทันใดนั้น เสียงข่วน ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ ดังมาจากด้านหลังของบ้าน ใกล้กับห้องของฉัน!
“มันอยู่ที่นี่!” เสียงใครคนหนึ่งตะโกน ก่อนที่ทุกอย่างจะตกอยู่ในความมืด
ไฟดับ!
เสียงกรีดร้อง เสียงตะโกน ดังระงม ปนกับเสียงข่วน และเสียงขู่ต่ำๆ ที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ
ฉันยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ความกลัวทำให้ขยับไปไหนไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างจบลงโดยเร็ว
แล้ว เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนก็ดังขึ้น เสียงนั้นใกล้มาก ใกล้จนฉันสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของมัน
"ยายยยยย!"
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
.............................................................................
มันแอบอยู่บนหลังคา (ต่อ)
เสียงกรีดร้องของยาย ดังก้องอยู่ในหูของฉันซ้ำไปซ้ำมา ภาพความมืดมิด เสียงตะโกนโกลาหล และเสียงข่วนน่ากลัว ผสมปนเปกันจนแยกไม่ออกว่าอะไรจริง อะไรฝัน
"ยาย! ยายอยู่ไหน" ฉันร้องเรียกยายเสียงหลง ลืมความกลัว วิ่งฝ่าความมืดไปทางห้องของยาย
มือควานหาไม้ขีดไฟข้างเตียง แต่ความตื่นตระหนกทำให้มือฉันสั่นจนจุดไฟไม่ติด ในที่สุด แสงสว่างวาบจากไฟแช็กของใครคนหนึ่ง ก็สาดส่องเข้ามาในห้อง
ฉันหันขวับไปมอง เห็นผู้ใหญ่บ้านยืนถือไฟแช็กอยู่ที่ประตู ใบหน้าซีดเผือด
"ยายล่ะคะผู้ใหญ่ ยายอยู่ไหน" ฉันถามเสียงสั่น
สายตาผู้ใหญ่บ้านมองเลยฉันไป ก่อนจะค่อยๆ วางไฟแช็กลงบนโต๊ะ
"ใจเย็นๆ นะแกรี่" ผู้ใหญ่บ้านพูดเสียงเบา แต่แววตาของเขา กลับเต็มไปด้วยความสยดสยอง
ฉันหันกลับไปมองตามสายตาของผู้ใหญ่บ้าน แล้วภาพที่เห็น ก็ทำให้เลือดในกายฉันเย็นเฉียบจนแทบหยุดไหล
บนเตียงของยาย มีร่างใครบางคนนอนอยู่ ร่างนั้น ถูกปกคลุมด้วยผ้าห่มจนมิด แต่ที่ปลายเตียง...
มีมือเหี่ยวย่นของยาย ยื่นออกมาจากผ้าห่ม นิ้วมือชี้ตรงมาที่ฉัน ราวกับต้องการจะบอกอะไรบางอย่าง
ฉันทรุดลงกับพื้น น้ำตาไหลพราก ไม่ต้องการจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
ผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามาสวมกอดฉัน
"ยาย...ยาย...ฮือๆ" ฉันได้แต่ร้องไห้ ซบหน้าลงกับอกของผู้ใหญ่บ้าน
“ไม่ต้องกลัวนะ แกรี่ ยายอยู่กับหนู” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
ฉันเงยหน้ามอง เห็นป้าณี เพื่อนบ้านที่สนิทกับยาย ยืนอยู่ข้างๆ
“ป้าณี ยาย...ยาย...” ฉันพูดไม่ออก ได้แต่ชี้มือไปที่เตียง
“ใจเย็นๆ ลูก ยายแค่โดนมันข่วนไปหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรมาก” ป้าณีพูดปลอบ พลางพยักหน้าให้ผู้ใหญ่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านค่อยๆ ดึงผ้าห่มออก เผยให้เห็นใบหน้าซีดเซียวของยาย
ที่แก้มของยาย มีรอยข่วนยาว เป็นทางแดง แต่ไม่ลึก
“ยาย!” ฉันโผเข้ากอดยายแน่น โล่งใจที่ยายปลอดภัย
“ยายไม่เป็นไรแล้ว แกรี่ ป้าณีช่วยยายไว้ทัน” ยายกอดตอบ เสียงสั่นเครือ
"แล้ว...แล้วมัน.."
"มันหนีไปแล้ว" เสียงผู้ใหญ่บ้านดังขึ้น "แต่พวกเรารู้แล้วว่ามันคืออะไร และจะไม่ปล่อยมันลอยนวลแน่"
(โปรดติดตามตอนจบ)
.......................................................................
มันแอบอยู่บนหลังคา (ตอนจบ)
แสงอาทิตย์ยามเช้า สาดส่องเข้ามาในห้อง ขับไล่ความหนาวเหน็บ และความกลัว ออกไปจนหมดสิ้น หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในคืนนั้น ชาวบ้านช่วยกันจุดไฟสว่างไสวทั้งหมู่บ้าน และผลัดกันเฝ้ายาม ตลอดทั้งคืน
แต่ก็ไร้วี่แววของ "มัน"
ยายปลอดภัยดี รอยข่วนที่แก้ม ได้รับการรักษา แม้จะยังมีรอยแผลเป็นจางๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รอยยิ้มของยาย ลดลงแม้แต่น้อย
“ยายดีใจที่หนูปลอดภัย แกรี่” ยายพูดพลางลูบหัวฉันเบาๆ ขณะที่เรานั่งกินข้าวต้ม อยู่ที่โต๊ะไม้ ในครัว
“แกรี่ก็ดีใจ ที่ยายปลอดภัยค่ะ แล้วตกลง...มัน คือตัวอะไรกันแน่คะ ทำไมถึงทำร้ายยาย” ฉันถาม ความสงสัยยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
ยายถอนหายใจ “ผู้ใหญ่บ้าน เล่าให้ยายฟังว่า มันเป็น "ลิงลม" ตัวหนึ่ง แต่ไม่ใช่ลิงลมธรรมดา มันเป็นลิงลม ที่ถูก "เลี้ยง" ไว้”
ฉันขมวดคิ้ว “เลี้ยง? ใครเลี้ยงลิงลม บนหลังคาบ้านคนอื่นกันคะยาย?”
“นั่นล่ะ ที่ชาวบ้านกำลังตามหาตัวกันอยู่” เสียงลุงสมศักดิ์ ดังขึ้นที่หน้าบ้าน
ลุงสมศักดิ์ เดินเข้ามาในครัว ใบหน้าเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง “ผู้ใหญ่บ้าน เรียกประชุมชาวบ้าน ด่วน ที่ศาลากลางหมู่บ้าน ดูเหมือนว่า จะเจอ "คนเลี้ยง" แล้วล่ะ”
บรรยากาศในศาลาวันนั้น เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ของชาวบ้าน ตรงกลางวงล้อม มี "ลุงตาล" ชายชรา ที่ชาวบ้านรู้จักดี ในสภาพถูกมัดมือไพล่หลัง ยืนตัวสั่นเทา อยู่กลางวง
“ใช่ ฉันเลี้ยงมันเอง! ไอ้แวว ลิงลมของฉัน มันช่วยฉันหาเงิน!” ลุงตาล ตะโกน เสียงแหบแห้ง
“แกใช้มันขโมยของชาวบ้าน แล้วโยนลงมาจากหลังคา แบบนี้ เรียกว่าหาเงิน อย่างนั้นหรือ!” ผู้ใหญ่บ้านตวาด
“แล้วที่มันทำร้ายยายฉันล่ะ! จะว่ายังไง!” ฉันตะโกนถาม เสียงสั่น
ลุงตาล ไม่ตอบ ได้แต่ก้มหน้า หลบสายตาโกรธแค้นของทุกคน
“ฉันเสียใจ ที่ต้องบอกแบบนี้...” ผู้ใหญ่บ้าน พูดขึ้น ท่ามกลางความเงียบ “แต่ "ไอ้แวว" มันไม่ใช่แค่ลิงลมธรรมดา มันคือลิงลม ที่ถูกฝึก ให้ "กินคน"”
เสียงชาวบ้าน ดังฮือฮา ด้วยความตกใจ
ฉันเบิกตากว้าง ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ภาพรอยข่วนบนหลังคา และบนแก้มของยาย ผุดขึ้นมาในหัว
มันไม่ได้แค่ ข่วน! แต่มันกำลังจะ... กิน
"แล้ว...แล้วมันอยู่ไหน" ฉันถามเสียงสั่น หวาดกลัวกับสิ่งที่จะได้ยินต่อไป
“เราพบ ไอ้แวว นอนตายอยู่ที่กระท่อมท้ายหมู่บ้าน” ผู้ใหญ่บ้านพูด พร้อมกับยกกรงไม้ไผ่ ขึ้นมา ภายในกรง มีร่างไร้ลมหายใจ ของลิงลมตัวหนึ่ง นอนแน่นิ่ง ที่ข้างๆ ลำตัว มีรอยกระสุนปืน
“แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ..” ผู้ใหญ่บ้านเว้นวรรค “ข้างๆ ตัวมัน... มีชิ้นเนื้อ...”
ทุกสายตา จับจ้องไปที่ "ชิ้นเนื้อ" ในมือของผู้ใหญ่บ้าน
“ชิ้นเนื้อ... ที่ดูยังไง ก็ไม่เหมือนเนื้อสัตว์”
เสียงผู้หญิงกรีดร้องดังขึ้น เมื่อผู้ใหญ่บ้าน ค่อยๆ คลี่ผ้า ออกจาก "ชิ้นเนื้อ" ชิ้นนั้น
เผยให้เห็น "นิ้วมือเหี่ยวย่น" นิ้วที่ดูคุ้นเคย... นิ้วที่พยายามเอื้อมมือมาหาฉัน เมื่อคืนนี้...
นิ้วของยาย...
(จบซะที 5555555555555555555555555555555555)
ลุงแจ่ม มโนไปเรื่อย เพื่อหาเรื่องแต่เพลงนั่นละ
.........................................
เพลงประกอบภาพยนตร์: มันแอบอยู่บนหลังคา
.
.
ใต้หลังคาบ้าน... ในเงามืดมิด...
มันซ่อนเร้นกาย... รอคอย... จ้องมอง...
.
.
ฝนหล่นปรอยปราย... หลังคาสังกะสี...
เสียงข่วนแผ่วเบา... เล่าขานสืบไป...
ลิงลมปีศาจ... ดวงตาสีเพลิง...
คร่าชีวิตผู้คน... ที่หลงเหลิง... ไม่เชื่อฟัง...
.
ระวัง... มันแอบมอง... จากบนนั้น...
ระวัง... คืนมืดมิด... มันจะมา...
เสียงข่วน... เตือนภัย... ให้หนีไ้ไป...
ก่อนจะสาย... ก่อนจะเหลือ... เพียงความว่างเปล่า...
.
รอยเล็บ... บนหลังคา... หลงเหลือไว้...
เป็นสัญญาณ... เตือนใจ... ไม่จางหาย...
คนที่จากไป... ไม่มีวันหวนคืน...
เหลือเพียงคราบน้ำตา... กับความกลัว... ชั่วนิรันดร์...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น